บมจ. โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) หรือ PTL แจ้งผลการดำเนินงานรอบปีบัญชี 2563-2564 (1 เมษายน 2563-31 มีนาคม 2564) มีกำไรสุทธิ (normalized net profit) เติบโต 64% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการแผ่นฟิล์มโพลีเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PET) ซึ่งเป็นธุรกิจหลักมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องตลอดทั้งปี
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่สนับสนุนความสามารถในการทำกำไรคือ การมุ่งเน้นเสริมสร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษอย่างต่อเนื่อง การบริหารจัดการด้านต้นทุน และการเพิ่มกำลังผลิตสูงสุดที่โรงงานใหม่ในประเทศอินโดนีเซีย
โดยบริษัทฯ ทำยอดขาย 15,144 ล้านบาท ในรอบปีบัญชี 2563-2564 เติบโต 8% เทียบกับยอดขาย 14,051 ล้านบาทของรอบปีบัญชีก่อนหน้า
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้าย ในอัตรา 0.46 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวน 414 ล้านบาท โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 สิงหาคม 2564
นายอมิต ปรากาซ กรรมการผู้จัดการ PTL กล่าวว่า แนวโน้มความต้องการแผ่นฟิล์ม PET แบบบาง มีทิศทางที่สดใส โดยมีอัตราการเติบโตต่อปี (compound annual growth rate: CAGR) คาดการณ์ไว้ที่ 5-7% ต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่สอดคล้องกับการเติบโตของกำลังการผลิตเฉลี่ยของบริษัทฯ ซี่งอยู่ที่ 6-8% ต่อปี นอกจากนี้ การขยายกำลังการผลิตใหม่ตามแผนในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ส่วนใหญ่อยู่ในอินเดียและจีน โดยทั้งสองประเทศมีความต้องการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง
“บริษัทเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการวางตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ในภูมิภาคที่สำคัญในช่วงที่ผ่านมา ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นประโยชน์ และจะยังคงเป็นผลบวกอย่างมากในอนาคตเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาปัจจุบันซึ่งห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างมาก รวมทั้งความท้าทายด้านโลจิสติกส์อื่นๆ ที่โลกกำลังเผชิญอยู่”
ผลการดำเนินงานของ PTL แสดงให้เห็นถึงสถานะอันแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในการเป็นผู้ผลิตฟิล์ม PET รายใหญ่อันดับหกของโลก โดยได้รับการสนับสนุนจากชื่อเสียงในฐานะซัพพลายเออร์ที่น่าเชื่อถือและการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ พร้อมฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งทั่วโลกรวมถึงการให้ความสำคัญกับการวิจัยพัฒนา และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ มาอย่างต่อเนื่อง
“จุดเด่นในปีหน้า คือการลงทุนใหม่ของบริษัทฯ ในกลุ่มแผ่นฟิล์ม BOPP ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มในไตรมาสที่ 2 ของปีบัญชีนี้ ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตจากสายการผลิตใหม่ได้ในระยะเวลาอันสั้น เนื่องจากความต้องการที่แข็งแกร่งของตลาดในประเทศ รวมถึงการผนึกกำลังกับฐานลูกค้าที่มีอยู่ของแผ่นฟิล์ม BOPET เนื่องจากเรามุ่งมั่นที่จะเป็นซัพพลายเออร์ที่ครบวงจร เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการบรรจุภัณฑ์ชนิดยืดหยุ่นให้แก่ลูกค้าได้ดีที่สุด” นายปรากาช กล่าว
ส่วนการขยายสายการผลิตแผ่นฟิล์ม Brownfield BOPET ของ PTL ในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นไปอย่างราบรื่น และคาดว่าจะเริ่มการผลิตในไตรมาสที่ 1 ของรอบปีบัญชี 2566-67 ซึ่งเป็นการปูทางให้โพลีเพล็กซ์ขยายส่วนแบ่งการตลาด และเสริมความแข็งแกร่งในฐานะผู้จัดจำหน่ายที่ได้รับความนิยมในทวีปอเมริกา ซึ่งปัจจุบันยังต้องพึ่งพาการนำเข้า เพื่อรองรับความต้องการแผ่นฟิล์ม BOPET ที่เพิ่มมากขึ้น