วันที่ 16 มิถุนายน 2549
เรื่อง แจ้งข้อมูลเพิ่มเติม โครงการ Extrusion Coating
เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตามที่บริษัทได้แจ้งมติคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2549 เรื่องการเพิ่มสายการผลิต Extrusion
Coating เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2549 บริษัทขอชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม ดังนี้
รายละเอียดโครงการ
เพื่อปรับปรุงส่วนผสมผลิตภัณฑ์ไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น บริษัทจึงเสนอการลงทุนโครงการ Extrusion
Coating ขึ้น โดยดำเนินการบนที่ดินแปลงใหม่ (35 ไร่ 2 งาน 54.80 ตารางวา) เพียงบางส่วน
โดยซื้อจาก นิคมสยามอิสเทิร์น อินดัสเตรียล พาร์ค ในราคาที่ตกลงกันที่ 1.6 ล้านบาทต่อไร่ รวมเป็นเงิน
57.02 ล้านบาท บริษัทได้จัดซื้อไว้บริเวณฝั่งตรงข้ามของโรงงานปัจจุบัน นิคมสยามอีสเทิร์น อินดัสเตียล
พาร์ค ซึ่งรายการดังกล่าวไม่เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันตามประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ในโครงการประกอบด้วย 2 สายการผลิต ความกว้างของผลิตภัณฑ์ประมาณ 1,970 มิลลิเมตร
ซึ่งเมื่อตัดแต่งแล้วมีความกว้าง 1,905 มิลลิเมตร โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 150-200
ล้านตารางเมตรต่อปี
งบประมาณการลงทุนของโครงการ
ประมาณ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่อสายการผลิต รวมสองสายการผลิตมูลค่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ
แยกเป็นต้นทุนของแต่ละสายการผลิต ประกอบด้วย เครื่องจักรหลักสำหรับ Extrusion Coating
(3 ล้านเหรียญสหรัฐ) ส่วนที่เหลือเป็นเครื่องมือเสริม (0.5 ล้านเหรียญสหรัฐ), ที่ดิน
(0.3 ล้านเหรียญสหรัฐ), สาธารณูปโภค (0.1 ล้านเหรียญสหรัฐ), ค่าก่อสร้างอาคาร
(0.5 ล้านเหรียญสหรัฐ) และค่าใช้จ่ายก่อนการผลิตและเบ็ดเตล็ด (0.6 ล้านเหรียญสหรัฐ)
บริษัทอยู่ในระหว่างดำเนินการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการนี้
ผลิตภัณฑ์และการใช้งาน
ผลิตภัณฑ์ของ Extrusion coated เป็นการรวมกันระหว่าง แผ่นฟิล์มบาง (Pet film) ซึ่งมีความหนา
ประมาณ 12-50 ไมครอน และ EVA /PE ความหนา 20 ? 200 GSM ผลิตภัณฑ์นี้เป็นที่นิยม
ใช้ในประเทศที่พัฒนาแล้วเช่น สหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยใช้ในโรงเรียน ตัวอย่างเช่น ใช้เคลือบหนังสือ
เอกสาร นอกจากนี้ยังใช้กับบรรจุภัณฑ์ในด้านการค้าด้วย
ผลตอบแทนของโครงการ
ก.) โครงการนี้จะช่วยปรับปรุงส่วนผสมผลิตภัณฑ์ของบริษัท ให้พัฒนาจากแผ่นฟิล์มธรรมดา
(ซึ่งโดยปกติเป็นสินค้าโภคภัณฑ์และมีการแข่งขันสูง) ให้เป็นแผ่นฟิล์มที่มีมูลค่าสูงขึ้น
(การ Coated,Metallized และ Extrusion coated) ซึ่งจะทำให้มีกำไรสูงขึ้นและ
การแข่งขันน้อย
ข.) เนื่องจากตลาดหลักของผลิตภัณฑ์อยู่ในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ทำให้ผู้ผลิตหลัก
มักจะตั้งโรงงานอยู่ในแถบนั้น ดังนั้น การที่บริษัทตั้งโรงงานผลิตขึ้นในประเทศไทย
ทำให้ได้เปรียบในเรื่องประสิทธิภาพของต้นทุน อันประกอบด้วย
- ค่าใช้จ่ายดำเนินงานในประเทศไทยต่ำ
- สามารถผลิตควบกันกับแผ่นฟิล์มปกติ
- ใช้ค่าใช้จ่ายการผลิตร่วมกับการผลิตเดิม ทำให้คุ้มการลงทุน และมีค่าใช้จ่าย
ดำเนินงานต่ำ
ค.) บริษัทมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายอยู่ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปอยู่แล้ว จึงทำให้สามารถ
แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ง.) ลูกค้าผู้ใช้แผ่นฟิล์มเคลือบรายใหญ่บางราย เป็นลูกค้าเก่าซึ่งซื้อแผ่นฟิล์มจากกลุ่มโพลีเพล็กซ์
อยู่แล้วจึงได้ประโยชน์เมื่อขายคู่กับผลิตภัณฑ์เดิม
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(นายมานิตย์ กุปต้า)
กรรมการ