News

โพลีเพล็กซ์ตั้งงบ2พันล.เพิ่มผลิตไทย-ตุรกี

Backสิงหาคม 23 2550

มั่นใจกำไรปีนี้มากกว่าปีก่อน หลังราคาผลิตภัณฑ์ในตลาดโลกเข้าสู่ภาวะปกติ

โพลีเพล็กซ์มั่นใจกำไรสุทธิปีนี้มากกว่าปีที่แล้ว หลังแนวโน้มยอดขายเพิ่ม โดยเฉพาะยอดขายในตุรกี แต่ยอมรับบาทแข็งทุก 1% ฉุดกำไร 10 ล้านบาท พร้อมทุ่มงบลงทุน 55-60 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่ม 4 ไลน์การผลิตในไทย-ตุรกี ดันรายได้โตต่อเนื่อง หลังราคาขายปรับตัวดีขึ้น

นายวิพิณ วิเจตา มิตทัล หัวหน้าฝ่ายการบัญชีและการเงิน บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นฟิล์ม PET ชนิดบาง เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ากำไรสุทธิปีนี้จะดีกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากปริมาณการขายสินค้าในประเทศตุรกีปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากตามกำลังการผลิต ประกอบกับราคาขายสินค้ามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ภายหลังจากที่รัฐบาลจีนยกเลิกมาตรการสนับสนุนผู้ผลิตพลาสติกและแผ่นฟิล์มในประเทศจีน ทำให้ราคาขายในตลาดโลกเข้าสู่ภาวะปกติ จากเดิมที่มีการลดราคาเพื่อสร้างตลาดในประเทศจีน

โพลีเพล็กซ์ ผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/50( 1เม.ย. 50 - 30 มิ.ย.50) มีกำไรสุทธิ 186.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 501.51% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 30.94 ล้านบาท เนื่องจากยอดผลิตและยอดขายเพิ่มขึ้นราคาขายต่อหน่วยเพิ่มขึ้น และการลดลงของราคาวัตถุดิบทั้งนี้บริษัทคาดหวังว่าอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิในแต่ละไตรมาสจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับการเติบโตของกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ด้วยเหตุผลข้างต้น

"กำไรสุทธิทั้งปีนี้จะดีกว่าปีที่แล้วแน่นอน จะเห็นได้ว่าในไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมากำไรสุทธิดีขึ้นค่อนข้างมาก เราคาดหวังว่าอัตราการทำกำไรและการเติบโตของกำไรของไตรมาสต่อไปจะเหมือนไตรมาสที่ 1"นายวิพิณ กล่าว

นายวิพิณ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทประมาณการยอดขายปีนี้ 65-70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยยอดขายหลักมาจากการขายในต่างประเทศ ประกอบด้วยทวีปเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา คิดเป็นสัดส่วน 85% ของยอดขาย และอีก 15% เป็นการขายในประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายในสกุลดอลลาร์เกือบทั้งหมด ขณะที่มีการนำเข้าวัตถุดิบในรูปสกุลดอลลาร์บางส่วน จึงมีความลดเสี่ยงจากการแข็งของค่าเงินบาทโดยธรรมชาติ แต่ยังไม่สมดุล โดยเบื้องต้นประเมินว่าการแข็งค่าของเงินบาท 1% จะทำให้บริษัทกำไรลดลง 10 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า ในระยะสั้นด้วยราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเกินระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล และปริมาณพาราไซลีนที่ลดลงในภูมิภาคอาจจะผลักดันให้ราคาพีทีเอ ปรับตัวขึ้นได้

อย่างไรก็ตามในระยะกลางสถานการณ์ผลผลิตล้นตลาดของพีทีเอ ซึ่งเป็นต้นทุนวัตถุดิบหลักจะเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยเสริมอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทโพลีเพล็กซ์ เนื่องจากนับตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา มีกำลังการผลิตพีทีเอ ในภูมิภาคเพิ่มขึ้นประมาณ 1,800,000 ตัน/ปี และยังมีกำลังการผลิตพีทีเอส่วนใหม่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอีกอย่างต่ำ 1,000,000 ตัน/ปี ในอนาคต

นายวิพิณกล่าวว่า งวดปี 2550 (1เม.ย.50-30 มี.ค.51) บริษัทจัดสรรงบลงทุนไว้ 55-60 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,900-2,100 ล้านบาท สำหรับการลงทุน 4 โครงการหลัก แบ่งเป็นในประเทศไทย 2 โครงการ และตุรกี 2 โครงการ

โดยโครงการในประเทศไทยประกอบด้วย 1.โครงการ Extrusion Coating ด้วยงบลงทุน 7.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีกำลังการผลิต 300 ล้านตารางเมตรต่อปี คาดเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนธันวาคมปีนี้ และ 2.โครงการแผ่นฟิล์มโลหะ จัดสรรงบลงทุน 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีกำลังการผลิต 8,700 ตันต่อปี เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ไตรมาสที่ 1/51

ส่วนโครงการในประเทศตุรกี ประกอบด้วย 1. Thin Film Line ใช้งบลงทุนประมาณ 42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีกำลังการผลิต 24,000 เมตริกตัน เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ไตรมาสที่ 1/51 และ 2.โครงการแผ่นฟิล์มโลหะ ใช้งบลงทุน 3.5 ล้านยูโร มีกำลังการผลิต 8,700 ตันต่อปี เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ไตรมาสที่ 1/51

"แหล่งเงินจะมาจาก 2 ส่วน คือกู้จากสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ และแหล่งเงินในกลุ่มบริษัท เชื่อว่าหากขยายกำลังการผลิตตามแผน รายได้บริษัทจะดีขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ นโยบายบริษัทยังเน้นการเพิ่มมูลค่าสินค้าให้มากขึ้น ล่าสุดมีการศึกษาโครงการ CPP และ OPP เพิ่มหาทางเพิ่มมูลค่าสินค้า แต่ยังไม่มีข้อสรุปใด"นายวิพิณ กล่าว

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2550